เด็กเดินได้กี่เดือน มีวิธีฝึกลูกหัดเดินอย่างไรให้ปลอดภัย

by MEE POOM DEE CO.,LTD. Sitthichaiviset on February 18, 2025
เด็กเดินได้กี่เดือน มีวิธีฝึกลูกหัดเดินอย่างไรให้ปลอดภัย

การก้าวเดินครั้งแรกของลูกน้อยเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นและน่าจดจำสำหรับทุกครอบครัว เพราะนอกจากจะเป็นพัฒนาการทารกที่สำคัญแล้ว ยังแสดงถึงความพร้อมของร่างกายและสมองที่พัฒนาขึ้นอย่างเต็มที่ การเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการการเดินจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมและสนับสนุนลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม

 

เด็กเดินได้ตอนกี่เดือน?

เด็กเดินได้ตอนกี่เดือน

พัฒนาการการเดินของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน โดยทั่วไปเด็กจะเริ่มมีพัฒนาการที่นำไปสู่การเดินตั้งแต่อายุ 7-8 เดือน ซึ่งจะเริ่มจากการเกาะยืนและพยายามลุกขึ้นจากท่านั่งเมื่ออายุประมาณ 9 เดือน หลังจากนั้นจะค่อย ๆ พัฒนาความสามารถในการทรงตัวและยืนได้นานขึ้นในช่วงอายุ 10-12 เดือน เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มก้าวเดินได้อย่างมั่นคงเมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ

การพัฒนาความสามารถในการเดินเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่การชันคอ พลิกตัว คลาน นั่ง ยืน และเดิน ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีความสำคัญต่อการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่และการทรงตัว การที่เด็กจะเดินได้นั้นต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลายส่วน ทั้งคอ หลัง แขน และขา รวมถึงการทำงานประสานกันของระบบประสาทและสมอง

 

ลูกเดินช้าสุดกี่เดือน

ตามเกณฑ์มาตรฐานของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เด็กควรเดินได้ภายในอายุ 1 ขวบ ทำให้มีคุณแม่หลาย ๆ คนกังวลว่า เด็ก 1 ขวบ 3 เดือนยังไม่เดินผิดปกติไหม? คำตอบคือ ยังอยู่ในช่วงพัฒนาการปกติ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลมากเกินไป แต่สิ่งสำคัญคือให้หมั่นสังเกตว่าลูกมีความพยายามในการฝึกยืนและเดินหรือไม่ และมีพัฒนาการด้านอื่น ๆ เป็นปกติไหม

เด็ก 1 ขวบ 3 เดือนยังไม่เดินผิดปกติไหม

แต่หากเข้าสู่ช่วงอายุเกิน 1 ขวบ 6 เดือนแล้วยังไม่เดิน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจประเมินพัฒนาการอย่างละเอียด เพราะอาจมีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ ระบบประสาท หรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม การที่เด็กเดินช้ากว่าเกณฑ์อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น กล้ามเนื้อไม่แข็งแรงพอ ขาดการกระตุ้นพัฒนาการที่เหมาะสม สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย หรืออาจมีปัญหาสุขภาพบางประการ หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกมีพัฒนาการช้ากว่าปกติมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจประเมินอย่างละเอียด

 

5 สัญญาณที่บอกว่าลูกพยายามจะเดิน

การสังเกตสัญญาณต่าง ๆ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่เตรียมพร้อมและส่งเสริมพัฒนาการการเดินของลูกได้อย่างเหมาะสม โดยมีสัญญาณสำคัญที่ควรสังเกต ดังนี้

 

พยายามดึงตัวเองให้ลุกขึ้น

เมื่อลูกเริ่มดึงตัวเองขึ้นมาเพื่อยืน แสดงว่ากล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นและพร้อมสำหรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ โดยทั่วไปจะเริ่มเห็นพฤติกรรมนี้เมื่อลูกอายุประมาณ 9-10 เดือน ลูกจะใช้แขนและขาออกแรงดึงตัวเองขึ้น โดยอาจเกาะเฟอร์นิเจอร์หรือขอบที่นอนเพื่อช่วยพยุงตัว

 

เริ่มเกาะยืน

เริ่มเกาะยืน

 

ในช่วงนี้ลูกจะชอบเกาะเฟอร์นิเจอร์เพื่อพยุงตัวและฝึกการทรงตัวให้นานขึ้น เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ การใช้คอกกั้นเด็กที่มั่นคงแข็งแรงจะช่วยให้ลูกฝึกเกาะยืนได้อย่างปลอดภัย

โดย Bebeplay ขอแนะนำ คอกกั้นเด็ก Baby Steps 4-in-1 ที่สามารถใช้งานได้ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 3 ปี เพราะสามารถปรับฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นที่นอนสำหรับเด็กวัยแรกเกิด คอกเบาะกันกระแทกสำหรับเด็กช่วงหัดคลาน คอกกั้นเด็กสำหรับลูกในช่วงตั้งไข่และเกาะยืน โซฟาหัดนั่งในช่วงหัดเดินและฝึกการนั่งทรงตัว ไปจนถึงการทำเป็นโซนเด็กเล่นเสริมด้วยชิงช้าและสไลเดอร์

นอกจากนี้ตัวเบาะยังออกแบบมาเพื่อให้เด็กฝึกคลานและเดินได้โดยไม่ต้องกังวลว่าล้มแล้วจะเจ็บ เพราะเราเลือกใช้เบาะที่มีความหนา 4 cm และทำจาก EPE 8 Layer นุ่ม แน่น ไม่ยวบ สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี นอกจากนี้คุณแม่ยังไม่ต้องกังวลว่าเบาะจะเลื่อนออกจากกันจนเกิดช่องว่าง เพราะ Bebeplay ใช้การเชื่อมต่อระหว่างแผ่นด้วย Velcro ซ้อนทับเก็บขอบอย่างดี ยึดติดแน่น ไม่หลุดหรือเคลื่อนตำแหน่งได้ง่าย ๆ สำหรับคุณแม่ที่สนใจ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย

 

เกาะเดิน

หลังจากที่ลูกสามารถยืนได้มั่นคงแล้ว จะเริ่มทดลองเคลื่อนที่ไปด้านข้างโดยใช้มือเกาะตามเฟอร์นิเจอร์ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเดินอย่างอิสระ ในช่วงนี้ควรจัดพื้นที่ให้เหมาะสมและปลอดภัย เพราะลูกอาจล้มได้บ่อย

 

เริ่มคลานเหมือนปู

การคลานแบบปูเป็นพัฒนาการที่จะช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาและการทรงตัว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญก่อนการเดิน การคลานแบบนี้จะช่วยให้ลูกเรียนรู้การใช้กล้ามเนื้อขาในการเคลื่อนที่และการทรงตัว

 

การนอนหลับเปลี่ยนไป

ในช่วงที่ลูกกำลังฝึกเดิน อาจสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของการนอน เนื่องจากสมองและร่างกายต้องทำงานหนักในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ลูกอาจนอนมากขึ้นหรือตื่นบ่อยขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงที่มีการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ

 

วิธีฝึกลูกให้เดินได้อย่างปลอดภัย

วิธีฝึกลูกให้เดินได้อย่างปลอดภัย

การฝึกให้ลูกเดินอย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น โดยมีวิธีการดังนี้

 

1. เตรียมสถานที่ให้โล่งและปลอดภัย

การจัดพื้นที่ให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรใช้แผ่นรองคลานเพื่อรองรับการล้ม เก็บสิ่งของที่อาจเป็นอันตราย ติดที่กันกระแทกตามมุมเฟอร์นิเจอร์ และทำให้พื้นไม่ลื่น นอกจากนี้ควรจัดพื้นที่ให้โล่ง มีระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกเดิน

สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหาแผ่นรองคลานคุณภาพสูง Bebeplay ขอแนะนำ แผ่นรองคลาน PU รุ่น Premium Mat แผ่นรองคลานเด็ก คุณภาพพรีเมียมจากเกาหลี ผลิตจากหนัง PU เกรด Hypoallergenic หนาพิเศษ 4 ซม. พับได้ น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ภายในใช้ EPE เกรดพิเศษ นุ่มแต่ไม่จม 

เหมาะกับการฝึกคลานและเดิน ปลอดภัยด้วยสี NON Toxic ไร้สารพิษ กันน้ำ ทำความสะอาดง่าย ช่วยลดแรงกระแทกเมื่อล้มหรือหงายหลัง นอกจากนี้ยังมีการใส่สาร Anti Bacteria ที่ช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรียกและเชื้อโรค ปลอดภัยต่อเด็กมอบความอุ่นใจให้คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ สำหรับคุณแม่ที่สนใจ สามารถติดต่อเราได้ผ่านช่องทางด้านล่างนี้ได้เลย

 

2. หาของเล่นเสริมพัฒนาการ

ของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นให้ลูกอยากเคลื่อนไหวและฝึกเดิน เช่น ของเล่นมีล้อที่มั่นคง ของเล่นที่มีเสียงดนตรี หรือของเล่นที่สามารถดึงดูดความสนใจให้ลูกอยากเดินตาม ควรเลือกของเล่นที่มีขนาดและน้ำหนักเหมาะสมกับวัย และผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย

 

3. ฝึกกล้ามเนื้อขาให้ลูกบ่อย ๆ

การเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาเป็นพื้นฐานสำคัญของการเดิน คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยได้โดยการนวดขาหลังอาบน้ำ จับยืนบนตัก และพาเดินโดยจับมือทั้งสองข้าง นอกจากนี้ยังควรให้ลูกได้คลานและเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทั้งร่างกาย

 

4. ให้ลูกยืนบนพื้นแข็ง

ให้ลูกยืนบนพื้นแข็ง

การฝึกให้ลูกยืนและเดินบนพื้นแข็งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาความสามารถในการทรงตัว ควรเริ่มจากการประคองลูกให้ยืนบนพื้น โดยจับที่ลำตัวหรือใต้รักแร้ทั้งสองข้าง เมื่อลูกเริ่มมั่นใจมากขึ้น จึงค่อย ๆ ลดการช่วยเหลือลง แต่ยังคงอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันทีเมื่อจำเป็น

 

5. ปล่อยให้ล้มบ้าง

การล้มเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้การเดิน เมื่อลูกล้ม ไม่ควรรีบเข้าไปอุ้มทันที ให้โอกาสลูกได้พยายามลุกขึ้นเองก่อน เพราะจะช่วยให้ลูกเรียนรู้การทรงตัวและการปรับสมดุลร่างกาย อย่างไรก็ตาม ควรเตรียมสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย โดยใช้แผ่นรองคลานหรือเบาะนุ่ม ๆ รองพื้นเพื่อลดแรงกระแทกเมื่อล้ม

 

6. อย่าลืมชมเชยและให้กำลังใจ

การชมเชยและให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูก เมื่อลูกพยายามยืน เดิน หรือลุกขึ้นหลังจากล้ม ควรแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจอย่างจริงใจ การเห็นรอยยิ้มและได้ยินคำชมจากพ่อแม่จะช่วยกระตุ้นให้ลูกมีแรงจูงใจในการฝึกฝนมากขึ้น

นอกจากนี้ ควรสังเกตและบันทึกพัฒนาการของลูก เพื่อติดตามความก้าวหน้าและสามารถปรับวิธีการฝึกให้เหมาะสมกับพัฒนาการในแต่ละช่วง หากสังเกตว่าลูกมีความกังวลหรือกลัวการล้ม อาจต้องปรับวิธีการฝึกให้ค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น

 

สรุปบทความ

การเดินเป็นพัฒนาการสำคัญที่แสดงถึงความพร้อมทั้งด้านร่างกายและสมองของลูก โดยเด็กส่วนใหญ่จะเริ่มเดินได้เมื่ออายุประมาณ 1 ขวบ และไม่ควรช้าเกิน 1 ขวบ 6 เดือน อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป คุณพ่อคุณแม่ควรใจเย็น ไม่เร่งรัด และคอยสนับสนุนให้ลูกได้เรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ

การเตรียมสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม และการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยส่งเสริมให้ลูกพัฒนาความสามารถในการเดินได้อย่างมั่นคง ที่สำคัญคือการให้กำลังใจและความรักความเข้าใจ เพราะการเดินก้าวแรกของลูกไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการเดินทางแห่งการเรียนรู้ที่ควรเต็มไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจของทั้งครอบครัว

หากคุณพ่อคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพัฒนาการการเดินของลูก หรือสังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ ไม่ควรลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกได้รับการดูแลและส่งเสริมพัฒนาการอย่างเหมาะสมที่สุด นอกจากนี้ก็อย่าลืมเตรียมของใช้ที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านการเดินของลูกน้อยอย่าง แผ่นรองคลาน และคอกกั้นเด็ก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่วางใจ และสามารถปล่อยให้ลูกน้อยเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่

 

สินค้าแนะนำ

Bebeplay แผ่นรองคลาน XPE รุ่น Rolling Mat

1,350.00 ฿

Bebeplay เบาะรองคลาน PU รุ่น Premium Mat

4,890.00 ฿

Bebeplay เตียงนอนเด็ก 7in1 รุ่น Sweet Dream

6,990.00 ฿

Bebeplay เก้าอี้กินข้าวเด็ก รุ่น Colorful ปรับสูงได้ 6 ระดับ

3,290.00 ฿