แนะนำอาหารสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย เสริมพัฒนาการและการเติบโต

อาหารสำหรับเด็กมีความสำคัญอย่างมากต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต เพราะช่วงวัยแรกเกิดถึง 1 ปีเป็นช่วงที่ร่างกายและสมองมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและเหมาะสมจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทั้ง 4 ด้าน ทั้งกล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก สังคม และอารมณ์ มาดูกันว่าแต่ละช่วงวัยควรได้รับอาหารอย่างไร

อาหารสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย

การให้อาหารลูกน้อยต้องปรับเปลี่ยนไปตามช่วงวัย เพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของระบบย่อยอาหารที่ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น มาดูกันว่าแต่ละช่วงอายุควรให้อาหารอะไรบ้าง

อาหารสำหรับเด็กแรกเกิดถึง 6 เดือน

ในช่วง 6 เดือนแรก นมแม่คืออาหารที่ดีที่สุดและเพียงพอสำหรับลูกน้อย เพราะมีสารอาหารครบถ้วน ทั้งโปรตีนและไขมันที่จำเป็น อีกทั้งยังช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น ปอดอักเสบ หูอักเสบ และลำไส้อักเสบ จากการวิจัยพบว่าเด็กที่ได้รับนมแม่มีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับประมาณ 7 จุด

อาหารสำหรับเด็ก 6 เดือนขึ้นไป

เมื่อลูกอายุ 6 เดือน ควรเริ่มให้อาหารตามวัยควบคู่กับนมแม่ โดยเริ่มจาก 1 มื้อ ด้วยข้าวบดละเอียด 3-4 ช้อนโต๊ะ สลับกับโปรตีนที่หลากหลาย เช่น ไข่แดง เนื้อหมู ไก่ ปลา หรือตับบด และผักสุกบด เช่น ฟักทอง ควรทำอาหารสดใหม่เองที่บ้าน และไม่ควรบดอาหารทุกอย่างรวมกัน เพื่อให้ลูกได้เรียนรู้การเคี้ยวอาหาร

อาหารสำหรับเด็ก 8 เดือนขึ้นไป

ในช่วงนี้ ควรเพิ่มมื้ออาหารเป็น 2 มื้อ และเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้น อาหารควรมีความหยาบขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงต้องนุ่มและย่อยง่าย สามารถจัดเวลามื้ออาหารได้ตามความเหมาะสม แต่ควรรักษาเวลาการให้อาหารให้สม่ำเสมอ

อาหารสำหรับเด็ก 10 เดือนถึง 1 ปี

เมื่อลูกอายุ 10 เดือนถึง 1 ปี ควรเพิ่มมื้ออาหารเป็น 3 มื้อหลัก โดยนมแม่จะกลายเป็นอาหารเสริมที่ให้ระหว่างมื้อ เช่น ก่อนมื้อเช้า หลังมื้อเที่ยง หรือก่อนนอน อาหารควรมีความหลากหลายทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส เพื่อฝึกการเคี้ยวและกลืน

อาหารสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป

เมื่อลูกอายุครบ 1 ปี สามารถรับประทานอาหารได้เหมือนผู้ใหญ่ แต่ควรเลือกอาหารที่ไม่แข็งเกินไป เช่น ก๋วยเตี๋ยวน้ำ โจ๊ก ข้าวต้ม หรือราดหน้า และควรให้อาหารที่มีความหลากหลาย มีสีสันน่ารับประทาน

การกินแบบ BLW คืออะไร? เหมาะกับเด็กอายุเท่าไหร่?

การกินแบบ BLW (Baby-Led Weaning) คือวิธีการให้อาหารเสริมรูปแบบหนึ่งที่เน้นให้เด็กได้เรียนรู้การรับประทานอาหารด้วยตนเอง โดยไม่ต้องบดหรือปั่นอาหาร และไม่ต้องป้อน เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่สามารถนั่งได้มั่นคงและมีการพัฒนาของกล้ามเนื้อมือที่แข็งแรงพอที่จะหยิบจับอาหารได้

โดยอาหารที่เหมาะกับการฝึกกินแบบ BLW ควรเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัย เช่น ผักต้มนิ่ม ผลไม้สุก เนื้อสัตว์นุ่ม ๆ หรือไข่ต้ม โดยเริ่มจากอาหารที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มก่อน แล้วค่อย ๆ เพิ่มความแข็งขึ้นตามพัฒนาการของลูก วิธีนี้ไม่เพียงช่วยฝึกทักษะการรับประทานอาหาร แต่ยังช่วยสร้างความมั่นใจและความเป็นอิสระให้กับเด็ก รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างมือและปาก ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของพัฒนาการด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย

ในส่วนของอุปกรณ์สำคัญสำหรับการฝึกกินแบบ BLW คือเก้าอี้กินข้าวเด็ก ที่ต้องมีความมั่นคง แข็งแรง และมีความสูงที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกสามารถนั่งในท่าที่ถูกต้องและปลอดภัย การมีเก้าอี้ทานข้าวที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกสามารถจดจ่อกับการรับประทานอาหาร และฝึกการหยิบจับอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาเก้าอี้กินข้าวเด็กที่แข็งแรง ใช้งานสะดวก Bebeplay ขอแนะนำ เก้าอี้กินข้าวเด็ก รุ่น Colorful ที่สามารถปรับความสูงได้ 6 ระดับ ปรับใช้งานให้เข้าได้กับทั้งโต๊ะเด็กและโต๊ะผู้ใหญ่ สามารถใช้งานได้ตั้งแต่ลูกน้อยอายุ 6 เดือน - 5 ขวบ นอกจากนี้ยังมีสายรัดถึง 5 จุด ช่วยเพิ่มความปลอดภัยขณะนั่งกินข้าว มาพร้อมเบาะนุ่ม นั่งสบาย โดยเบาะนั่งทำมาจากเบาะหนัง PU Premium ซึ่งจะช่วยให้ลูกน้อยนั่งทานข้าวได้สบายมากขึ้น ถอดอาหารขนาดใหญ่ ทำความสะอาดและพับเก็บได้ง่าย 

จริงหรือไม่? แม่ชอบกินอาหารซ้ำ ๆ อาจทำให้ลูกน้อยเสี่ยงแพ้อาหารได้

การที่คุณแม่รับประทานอาหารซ้ำ ๆ ในช่วงให้นมบุตรอาจเพิ่มความเสี่ยงที่ลูกจะแพ้อาหารชนิดนั้น ๆ แพทย์จึงแนะนำให้คุณแม่รับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารเสี่ยง เช่น อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ลูกถ่ายยาก เลือกอาหารสำหรับเด็กแบบไหน?

หากลูกมีปัญหาท้องผูก ควรเพิ่มอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักและผลไม้ต่าง ๆ อาจทำเป็นน้ำผลไม้ปั่นผสมโยเกิร์ต โดยเลือกผลไม้ที่มีรสชาติอร่อย เช่น แก้วมังกร แอปเปิล ส้ม หรือกีวี่ นอกจากนี้ควรให้ลูกดื่มน้ำเปล่าเพิ่มขึ้นและส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกาย

สรุปบทความ

การเลือกอาหารที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูกน้อยมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต โดยเริ่มจากนมแม่ในช่วง 6 เดือนแรก แล้วค่อย ๆ เพิ่มอาหารตามวัยที่หลากหลาย มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และเหมาะสมกับพัฒนาการของระบบย่อยอาหาร การให้อาหารควรคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะอาด และสร้างนิสัยการกินที่ดีตั้งแต่เล็ก เพื่อการเติบโตอย่างแข็งแรงและมีสุขภาพดี